ในการแปรเสียงหรือกล่อมเกลาเสียง (Articulation) เพื่อให้เกิดเป็นเสียงพยัญชนะต่างๆในภาษานั้น การแปรเสียงหรือกล่อมเกลาเสียงจะเกิดขึ้น ณ จุดต่างๆ (Place of Articulation) ภายในช่องออกเสียง (Vocal Tract) ของเรา ในบทนี้จะกล่าวถึงบริเวณต่างๆ ที่มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นตำแหน่งที่เกิดของเสียงในภาษาต่างๆ ตลอดจนลักษณะวิธีออกเสียง (Manner of Articulation) แบบต่างๆ ที่สามารถจะเกิดขึ้นได้ในภาษาต่างๆ โดยละเอียด โดยจะยกตัวอย่างเสียงต่างในภาษาประกอบด้วย
ตำแหน่งของการเกิดเสียงบริเวณต่างๆ (Place of Articulation)
คำนี้ถ้าจะเรียกให้สั้นและย่อมีชื่อเฉพาะว่าฐานกรณ์ ซึ่งหมายถึงอวัยวะแปรเสียงหรือกล่อมเกลาเสียงโดยรวม แต่ถ้าจะแยกกลุ่มของอวัยวะแปรเสียงออกมาตามลักษณะของการเคลื่อนไหวก็จะแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ
1. กลุ่มที่เคลื่อนที่ไม่ได้ (Passive Articulator หรือ Upper Articulator) หรือมีชื่อเฉพาะสั้นๆ ว่า ฐาน ซึ่งได้แก่ อวัยวะต่อไปนี้
- ริมฝีปากบน (upper lip)
- ฟันบน (upper teeth)
- ปุ่มเหงือก (gum ridge หรือ alveolar ridge)
- เพดานแข็ง (hard palate)
- เพดานอ่อน (soft palate หรือ velum)
- ลิ้นไก่ (uvula) อวัยวะชิ้นนี้แม้ว่าจะถูกจัดอยู่ในกลุ่มที่เรียกว่า upper articulators หรืออวัยวะที่อยู่ส่วนบนของช่องปากหรือเพดานปากก็ตาม แต่เป็นอวัยวะที่สามารถเคลื่อนที่ได้
2. กลุ่มที่เคลื่อนที่ได้ (Active Articulator หรือ Lower Articulator) หรือมีชื่อเฉพาะสั้นๆ ว่า กรณ์ ซึ่งได้แก่ อวัยวะต่อไปนี้ คือ
- ริมฝีปากล่าง (Lower lip)
- ลิ้น (tongue) ซิงเป็นอวัยวะที่มีความยืดหยุ่นตัวสูงที่สุดดังที่กล่าวมาแล้วในตอนต้น ในบทที่ว่าด้วยเรื่องอวัยวะในการแกเสียง ในการทำให้เกิดเสียงพยัญชนะเสียงใดเสียงหนึ่งขึ้นมานั้น กระแสอากาซที่เดินทางผ่านเข้ามาในช่องออกเสียง (vocal tract) จะต้องถูกกักกั้นในลักษณะใดลักษณะหนึ่ง การกักกั้นกระแสอากาศก็จะกระทำได้โดยอวัยวะกลุ่มที่เคลื่อนที่ได้ (Active Articulators) จะเคลื่อนที่เข้าไปหา, เข้าไปใกล้, หรือเข้าไปชิดอวัยวะกลุ่มที่เคลื่อนที่ไม่ได้(Passive Articulator) เมื่อกระแสอากาศเดินทางผ่านจุดกักกั้นเหล่านั้นก็จะก่อให้เกิดเสยงพยัญชนะประเภทต่างๆ ที่แตกต่างกันไปตามรูปแบบของการกักกั้นกระแสอากาศหรือที่เรียกว่าลักษณะวิธีออกเสียง (Manner of Articulation) ณ จุดเกิดเสียงต่างๆกัน และคำที่ใช้สำหรับเรียกชื่อพยัญชนะส่วนหนึ่งก็มาจากคำระบุตำแหน่งของการกักกั้นกระแสอากาศดังกล่าว ซึ่งได้แก่
Bilabial (เสียงที่เกิดจากริมฝีปากทั้งคู่) เกิดจากริมฝีปากล่างเคลื่อนเข้าไปหาริมฝีปากบน เช่น เสียงแรกของคำว่า “my” ในภาษอังกฤษ เสียงแรกของคำว่า “ปู” ในภาษาไทย
Labiodental (เสียงที่เกิดจากริมฝีปากล่างและฟันบน) เกิดจากริมฝีปากล่างเคลื่อนเข้าไปหาฟันบนด้านหน้า เช่น เสียงแรกของคำว่า “เฝ้า” ในภาษาไทย, เสียงแรกของคำว่า “van” ในภาษาอังกฤษ
Dental (เสียงที่เกิดจากปลายลิ้นหรือส่วนถัดจากปลายลิ้นกับฟันบน) เกิดจากปลายลิ้นหรือส่วนถัดจากปลายลิ้นเคลื่อนเข้าไปหาฟันบนด้านหน้า เช่น เสียงแรกของคำว่า “thin” ในภาษาอังกฤษ
Alveolar (เสียงที่เกิดจากปลายลิ้นหรือส่วนถัดจากปลายลิ้นกับปุ่มเหงือก) เกิดจากปลายลิ้นหรือส่วนถัดจากปลายลิ้นเคลื่อนเข้าไปหาปุ่มเหงือก เช่น เสียงแรกของคำว่า “นก” ในภาษาไทย, เสียงแรกของคำว่า “tip” ในภาษาอังกฤษ
Retroflex (เสียงที่เกิดจากปลายลิ้นหรือส่วนใต้ปลายลิ้นกับส่วนปลายสุดของปุ่มเหงือกที่ต่อกับเพดานแข็ง) เกิดจากปลายลิ้นซึ่งอาจจะเป็นผิวบน (upper surface) หรือส่วนใต้ปลายลิ้นเคลื่อนเข้าไปหาส่วนปลายสุดของปุ่มเหงือกที่ต่อกับเพดานแข็ง เช่น เสียงตัว “ร” หรือ “ส” ในตำแหน่งพยัญชนะต้นของภาษาไทยถิ่นใต้บางสำเนียง และเสียง “r” ในภาษาอังกฤษสำเนียงอเมริกันบางสำเนียง
Palato-Alveolar (เสียงที่เกิดจากส่วนถัดจากปลายลิ้นกับส่วนปลายสุดของปุ่มเหงือก) เกิดจากการใช้ส่วนถัดปลายลิ้นเคลื่อนเข้าไปหาส่วนปลายสุดของปุ่มเหงือกที่ต่อกับเพดานแข็ง เช่น เสียงแรกของคำว่า “show” ในภาษาอังกฤษ
Palatal (เสียงที่เกิดจากลิ้นส่วนต้นกับเพดานแข็ง) เกิดจากการใช้ลิ้นส่วนต้น (front of the tongue) เคลื่อนเข้าไปหาเพดานแข็ง เช่น เสียงแรกของคำที่แปลว่า “ยาก” ในภาษาไทยถิ่นอีสาน [ø] และเสียงแรกของคำว่า “nyamuk” ในภาษามาเลเซีย ซึ่งแปลว่า ยุง
Velar (เสียงที่เกิดจากลิ้นส่วนหลังกับเพดานอ่อน) เกิดจากการใช้ลิ้นส่วนหลังเคลื่อนเข้าไปหาเพดานอ่อน เช่น เสียงแรกของคำว่า “คน” ในภาษาไทย เสียงแรกของคำว่า “give” ในภาษาอังกฤษ
Uvular (เสียงที่เกิดจากลิ้นส่วนหลังกับลิ้นไก่) เกิดจากการยกลิ้นส่วนหลังเข้าไปหาลิ้นไก่ เช่น เสียงแรกของคำว่า “rouge” ในภาษาฝรั่งเศส
Pharyngeal (เสียงที่เกิดจากโคนลิ้นกับผนังช่องคอด้านหลัง) เกิดจากการดึงโคนลิ้นไปทางด้านหลังเข้าหาผนังช่องคอด้านหลัง เช่น เสียงแรกในคำที่แปลว่า “ลุง” ในภาษาอาหรับ ([?amm])
Glottal (เสียงที่เกิดจากเส้นเสียง) เกิดจากการเคลื่อนเข้าหากันของเส้นเสียงทั้งคู่ โดยอาจจะเคลื่อนเข้ามาติดกัน เช่น เสียงแรกของคำว่า “home” ในภาษาอังกฤษ, เสียงแรกของคำว่า “อู่” ในภาษาไทย
ดัดแปลงจาก www.sil.org/computing/ipahelp/ip...ace2.htm
ตารางแสดงตำแหน่งของการเกิดเสียง
Point of articulation | Active articulators | Passive articulators | Examples |
1. Bilabial | Lower lip | Upper lip | [m,p,b,¸,B,º,] |
2. Labiodental | Lower lip | Upper teeth | [M,f,v,V] |
3. Dental | Tip of the tongue | Upper teeth | [T,D] |
4. Alveolar | Tip of the tongue | Alveolar ridge | [n,t,d,s,z,Z,Â,l,r,t',ë] |
5. Post alveolar | Tip of the tongue | Post alveolar | [S,!] |
6. Retroflex | Tip of the tongue | Post alveolar | [÷,ê,§,½,ñ,] |
7. Palato-alveolar | Tip of the tongue | Hard palate | [S,Z] |
8. Palatal | Front of the tongue | Hard palate | [ø,c,ï,þ,´] |
9. Velar | Back of the tongue | Soft palate | [N,k,g,x] |
10. Uvular | Back of the tongue | Uvular | [N, q,G, X,Ò,R] |
11. Pharyngeal | Root of the tongue | Back wall of the pharynx | [ð,?] |
12. Glottal | Vocal cords | Vocal cords | [?,h,ú,] |
13. Labial-palatal | Lower lip Center of the tongue | Upper lip Hard palate | [ç] |
14. Labial-Velar | Lower lip Back of the tongue | Upper lip Soft palate | [kp,gb,w] |
ในหัวข้อบอก place and manners แต่ในเนื้อหาไม่มี manners แก้ไขด้วยนะค่ะ
ตอบลบได้ความรู้มาก
ตอบลบ